วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ฟักทอง จอมพลังสีเหลือง

หลาย ๆ คนคงได้เคยรับประทานอาหารไทยรสเลิศ ทั้งคาวหวาน ที่ปรุงจากฟักทองกันมาบ้างไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็นฟักทองผัดกุ้ง ฟักทองผัดไข่ แกงเลียงฟักทองหรืออาหารหวานยอดนิยมอย่าง สังขยาฟักทอง แม้กระทั่งแกงบวดฟักทอง(หรือฟักทองบวชชี) ซึ่งอันที่จริงแล้วฟักทองไม่ได้ให้คุณค่าเพียงรสชาดหวานเนียนนุ่ม ละมุนลิ้นในเมนูอาหารเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เจ้าพืชสีเหลืองชนิดนี้ยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และสรรพคุณทางยามากมายเลยทีเดียว แทบจะเรียกได้ว่าทุกส่วนของฟักทองนั้นมีประโยชน์ทั้งสิ้นก็ว่าได้

ในเนื้อฟักทองนั้น มีวิตามินเอสูง รวมทั้งฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามินซี แป้ง และที่สำคัญคือสาร "เบต้าแคโรทีน" สารต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสารสีเหลืองที่อยู่ในฟักทอง ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหัวใจได้ และสารเบต้าแคโรทีน ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชลอความชรา และป้องกันโรคผิวหนัง บรรเทาอาการปวดเมื่อยของข้อเข่า และบั้นเอวได้เป็นอย่างดี

การรับประทานฟักทองทั้งเปลือกนั้นจะได้รับคุณค่าทางอาหารมากว่ารับประทานแบบปอกเปลือก เพราะในเปลือกฟักทองนั้นมีสารอาหาร และสรรคุณทางยามากมาย ซึ่งสามารถกระตุ้นการหลั่งอินซูลินในร่างกาย เป็นการช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง บำรุงตับ บำรุงไต บำรุงดวงตา และสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์ที่ตายไป ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในยอดอ่อนของฟักทองก็มีวิตามินเอสูงเท่ากับเนื้อฟักทอง แต่มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูงกว่าในเนื้อฟักทอง

ส่วนใครที่ชอบแทะเมล็ดฟักทองเล่นในยามว่าง ก็รับประโยชน์ไปเต็ม ๆ เพราะในเมล็ดฟักทองประกอบด้วยแป้ง ฟอสฟอรัส โปรตีนและวิตามิน รวมทั้งสารที่ชื่อว่า "คิวเคอร์บิติน" (cucurbitine) ซึ่งมีฤทธิ์ในการฆ่าพยาธิตัวตืดได้ดี และยังช่วยขับปัสสาวะ ลดความเสี่ยงในการเกิดนิ่ว มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ นอจากนี้ น้ำมันจากเมล็ดฟักทองยังช่วยบำรุงประสาทได้ดี และยังมีกรดอะมิโนบางชนิดที่ช่วยป้องกันไม่ให้ต่อมลูกหมากของผู้ชายขยายใหญ่ขึ้น และช่วยปรับระดับฮอร์โมนเพศชายที่ได้จากลูกอัณฑะให้อยู่ในระดับปกติ นอกจากนั้นเยื่อกลางผลของฟักทอง ยังสามารถนำมาพอกแผล แก้อาการฟกช้ำ อาการปวด อักเสบได้อีกด้วย

และแน่นอนที่สุด ในเรื่องของความสวยความงามฟักทองก็ช่วยได้เป็นอย่างดี อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่าฟักทองนั้นมีสารเบต้าแคโรทีน สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชลอความแก่ ตลอดจนวิตามินต่าง ๆ ในปริมาณสูงซึ่งจะช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณสดใส แข็งแรง มีน้ำมีนวล และเพราะฟักทองเป็นพืชที่มีกากใยสูง และมีแคลอรีไม่ต่ำ ไขมันน้อย จึงเหมาะสำหรับคุณผู้หญิงที่ต้องการควบคุมน้ำหนักด้วยเช่นกัน

นี่ละครับจอมพลังสีเหลืองของเรา นอกจากความอร่อยแล้วยังให้คุณค่าทางโภชนาการอีกมากมาย แถมราคาก็ไม่ได้แพงอะไรมากมาย ก็หามาประกอบอาหารรับประทานกันได้ง่าย ๆ

0 ความคิดเห็น: