วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เคล็ดลับ เพิ่มขนาดอวัยวะเพศ โดยวิธีธรรมชาติ ไร้ความเสี่ยง

ขนาดของอวัยวะเพศของผู้ชายอาจมีความสำคัญต่อผู้ชายส่วนใหญ่ (ที่เป็นผู้ชายแท้ ๆ ) ในแง่ของจิตวิทยา เพราะผู้ชายส่วนใหญ่มักคิดว่าอวัยวะเพศที่มีขนาดใหญ่ยาวนั้นมันบ่งบอกถึงความเป็นผู้ชาย เป็นศักดิ์ศรี ทำให้รู้สึกมีความภาคภูมิใจ ถึงแม้มันจะซ่อนตัวอยู่ในร่มผ้าก็ตามที ด้วยเหตุนี้กระมังที่ทำให้หนุ่มใหญ่หนุ่มน้อยทั้งหลายเพียรพยามยามเสาะแสวงหาวิธีการต่าง ๆ มาทดลองใช้กันแม้ว่าบางวิธีจะมีความเสี่ยงอยู่บ้างก็ตาม เช่นการฉีดน้ำมันมะกอกที่อวัยวะเพศอย่างที่เป็นข่าว หรือการใช้สารกระตุ้นหรือรับประทานยาที่อาจเป็นอันตรายในระยะยาว อาจเสี่ยงต่อการสูญเสียอวัยวะเพศ หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตไปเลยก็เป็นได้

แต่อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขนาดอวัยวะเพศให้มีขนาดใหญ่ยาวขึ้นสามารถทำได้จริงโดยไม่ต้องกินยา อาหารเสริม หรือฉีดสารอะไรก็ตามที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงในระยะต่อไป ซึ่งวิธีที่ว่านั้นก็คือ การบริหารอวัยวะเพศนั่นเอง ซึ่งเป็นวิธีธรรมชาติที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ด้วยตัวเอง แต่ปัจจัยที่จะทำให้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจอาจดูที่องค์ประกอบดังนี้.

1. ท่านต้องไม่คาดหวังเกินความจริง เช่นเพิ่มความยาว 4 นิ้ว การบริหารสามารถเพิ่มได้ประมาณ 1-2 นิ้ว เพิ่มขนาดเส้นรอบวงได้ประมาณ 1 นิ้ว ข้อสำคัญอีกข้อหนึ่งคือการเพิ่มขนาดจะต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ คุณไม่จำเป็นต้องวัดขนาดอวัยวะเพศทุกวันเพราะคุณจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน ลองวัดทุก 1 เดือนคุณอาจจะพบกับความเปลี่ยนแปลง

2. ท่านต้องบริหารอย่างสม่ำเสมอเช่นต้องบริหารวันละ 30 นาทีก็ต้องทำให้ได้ หลังจากผ่านไปได้ 1 เดือนท่านก็จะพบกับการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของความแข็ง ความแข็งแรง

3. อย่าหักโหมบริหารมากเกินไป เพราะอาจจะเป็นผลเสีย เช่นบริหาร 30 นาทีจะเริ่มเห็นผลใน 1 เดือนก็เลยบริหาร 60 นาทีเพื่อจะเห็นผลในเวลาครึ่งเดือน แต่ความจริงมันไม่เป็นเช่นนั้น
เป็นการบริหารที่เรียกว่า Jelg โดยมีหลักการเพิ่มเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของอวัยวะเพศโดยเฉพาะส่วน Corpora Cavernosa and the Corpus Spongisum ซึ่งเป็นส่วนที่เลือดไปเลี้ยงมากที่สุด เมื่อเลือดไปคั่งในส่วนนี้จะทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวหากมีเลือดไปเลี้ยงมากก็จะทำให้มีขนาดใหญ่ขึ้น

วิธีการบริหารไม่ยาก ก่อนที่จะบริหารให้อาบน้ำอุ่นให้กับอวัยวะเพศซึ่งจะเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศ การทำการบริหารจะทำขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวไม่มาก เหมือนการรีดนมวัว โดยการกำมือรอบอวัยวะเพศบริเวณโคนแล้วรีดจากโคนไปส่วนปลายของอวัยวะเพศแนะนำให้ใช้เวลารีด 1-2 วินาทีให้ทำครั้ง 100-200 ที ข้อสำคัญคือไม่ควรรีดขณะอวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ และควรจะใช้ครีมหล่อลื่นทา หากมีอาการเจ็บให้หยุดทันที

การบริหารท่านี้นอกจากจะทำให้มีขนาดใหญ่ขึ้นยังทำให้การแข็งตัวดีขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่อวัยวะเพศแข็งตัวไม่ดีมีการวิจัยถึงผลของการบริหารด้วยวิธีนี้
• อวัยวะเพศเฉลี่ยยาวขึ้น 1.8 นิ้ว
• อวัยวะเพศมีขนาดเพิ่มขึ้น 1.6 นิ้ว
• ระยะเวลาที่ใช้ 22 นาที 4 วันต่อสัปดาห์เป็น
• การบริหารทำให้มีความต้องการทางเพศเพิ่ม และมีจำนวนการมีเพศสัมพันธ์เพิ่มขึ้น
• อายุไม่เป็นอุปสรรคต่อการบริหาร

ต่อไปนี้คือวิธีการบริหารเพื่อเพิ่มขนาดอวัยวะเพศ  ซึ่งท่านไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรเลย ใช้แค่เพียงมือทั้งสองข้างของท่านเท่านั้น

* ตื่นเช้าก่อนล้างหน้าแปรงฟัน หาเก้าอี้นั่งให้สบายๆ แล้วใช้น้ำมันมะกอกลูบไล้อวัยวะเพศของท่านให้ลื่นพอประมาณ ไม่ต้องใส่จนชุ่มโชกเปียกมากเกินไป (น้ำมันมะกอกยี่ห้ออะไรก็ได้) ที่ให้ทำเวลาเช้า ก็เพราะท่านได้พักผ่อนเต็มที่แล้ว แต่ถ้าหากไม่ว่างก็ทำก่อนนอนก็ได้
1. ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้ายและนิ้วชี้ซ้ายหนีบตรงโคนอวัยวะเพศ นิ้วหัวแม่มืออยู่ด้านบน นิ้วชี้อยู่ด้านล่าง รูดขึ้นไปจนถึงรอยหยัก รูดช้าๆ อย่าหนีบแน่นจนเกินไป จะทำให้ช้ำ จากนั้นใช้นิ้วหัวแม่มือขวา และนิ้วชี้ขวาหนีบตรงโคนอวัยวะเพศรูดขึ้นไปจนถึงรอยหยัก ก็รูดช้าๆเหมือนกัน ทีนี้ก็ซ้าย-ขวาสลับไปมา 50 ครั้ง ถ้าอวัยวะเพศแข็งขึ้นก็ต้องรูดเบาๆ อย่าบีบแรง

2. เมื่อครบ 50 ครั้งแล้ว ใช้นิ้วหัวแม่มือขวาและนิ้วชี้ขวา(ถนัดขวา)กำและชักขึ้นลงระหว่างโคนถึงรอยหยัก ไม่ให้ถูกบริเวณหัว (สาเหตุที่ไม่ให้ถูกหัวนั้น เพราะจะทำให้เสียวเกินไป กลายเป็นสำเร็จความใคร่) ทำข้อ 2 นี้ประมาณ 3 นาที หากน้ำจะออกท่านต้องหยุดนะครับ ให้พักก่อน จนความเสียวลดลง

3. ใช้ฝ่ามือซ้ายรองไว้ด้านล่าง ฝ่ามือขวาอยู่ด้านบน นวดประมาณ 2 นาที

4. ทีนี้ท่านก็ขมิบก้น ให้อวัยวะเพศกระดก ๆ สัก 50 ครั้ง ใหม่ๆอาจไม่ถึงก็ได้ ค่อย ๆ ฝึกไป

ครบ 4 ข้อแล้วท่านก็ย้อนกลับไปเริ่มที่ข้อ 1 ใหม่ ถ้ารู้สึกฝืดเพราะน้ำมันแห้งก็ใส่เพิ่มไปนิดหน่อย ทำซ้ำอยู่อย่างนี้ 15 นาที อย่าให้เกินนะครับ นานวันไปก็ทำเพิ่มเป็น 30 นาที ทำวันละครั้งก็พอแล้ว ไม่ต้องใจร้อน การทำมากเกินไป ทำวันละหลายๆครั้ง ทำครั้งละ นานๆนั้นไม่เกิดผลดี ทำให้อวัยวะเพศเหนื่อย จะเกิดอาการเหี่ยว-ไม่สู้ตามมา ให้หมั่นสังเกตว่าการทำแบบไหนดีที่สุด นานแค่ไหนจะเหมาะสมก็ให้ทำแบบนั้น เพราะว่าสภาพร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน

ภายใน 1 เดือน ท่านจะรู้สึกเลยว่า อวัยวะเพศมันใหญ่และแข็งแกร่งขึ้น แฟนท่านต้องทักแน่นอนว่าใหญ่กว่าเก่า เวลาร่วมเพศจะรู้สึกว่ากระชับแน่นกว่าเดิม ให้ความรู้สึกเสียวดีมาก และมีน้ำอดน้ำทน ไม่หลั่งเร็วเหมือนที่ผ่านๆมา

ภายใน 3 เดือน จะเห็นว่ามันใหญ่ขึ้นอย่างชัดเจน ทีนี้ก็ทำไปเรื่อยๆ นะครับ ทำไปจนวันไหนที่คิดว่าไม่ต้องการใช้มันแล้ว ชาตินี้พอแล้ว ก็เลิกทำ



วันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2557

แอปเปิ้ลไซเดอร์ คุณประโยชน์เพื่อผิวสวยสุขภาพดี

แอปเปิ้ลไซเดอร์ น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลมีประโยชน์ในการดูแลความงามให้คุณได้อย่างไม่น่าเชื่อ และนี่คือประโยชน์ที่ว่า



     1. ผิวเนียนนุ่ม เนื่องจากน้ำส้มสายชูมีฤทธิ์เป็นกรด จึงช่วยปิดรูขุมขนและทำให้ผิวเนียนนุ่มขึ้นได้ เราจึงขอแนะนำให้ผสมน้ำส้มสายชูลงไปในครีมทาตัวเล็กน้อย ครีมทาตัวของคุณจะมีอานุภาพเพิ่มขึ้นทันที

     2. เพิ่มความเงางาม สาว ๆ ส่วนใหญ่มักจะล้างแชมพูกับคอนดิชันเนอร์กันออกไม่หมด เส้นผมจึงหนักและดูไม่เป็นเงางามเท่าที่ควร วิธีแก้คือผสมน้ำส้มสายชูห้าหยดเข้ากับน้ำสะอาดหนึ่งชาม แล้วชโลมลงบนเส้นผมให้ทั่วหลังเสร็จจากแชมพูและคอนดิชันเนอร์ จากนั้น จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด

     3. เยียวยาผิว น้ำส้มสายชูมีฤทธิ์ในการต่อต้านการอักเสบ จึงอาจช่วยลดอาการคันบนผิวให้คุณได้ วิธีการคือผสมน้ำส้มสายชูลงไปในน้ำที่อาบเล็กน้อย แล้วลงไปนอนแช่ให้สบายใจ

     4. ขจัดรังแค น้ำส้มสายชูมีฤทธิ์ในการต่อต้านเชื้อรา จึงช่วยขจัดปัญหารังแคให้คุณได้ โดยผสมเข้ากับน้ำสะอาดในอัตราส่วนเท่า ๆ กัน จากนั้น เทใส่กระบอกฉีดน้ำ แล้วใช้ฉีดพรมลงบนเส้นผม

     5. ปรับสภาพผิว น้ำส้มสายชูช่วยปรับสมดุลให้ผิวได้ แถมยังทำหน้าที่เหมือนโทนเนอร์สำหรับคนผิวมันด้วย โดยผสมกับน้ำในอัตราส่วนเท่า ๆ กัน แล้วใช้เช็ดหน้าก่อนทามอยส์เจอไรเซอร์

ข้อมูลจาก Lisa

วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557

ใบบัวบกสามารถลดรอยตีนกาได้

เชื่อแน่ว่ารอยตีนกาที่เกิดขึ้นนั้น เป็นความกังวลที่เกิดขึ้นแแน่นอน วันนี้เคล็ดลับความงามด้วยสมุนไพรง่ายๆด้วยใบบัวบกลดรอยตีนกา



ส่วนผสม
1. ใบบัวบก
2.น้ำต้มสุก

วิธีทำ
นำใบบัวบกมาล้าง น้ำให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นเล็กๆปั่นรวมกับน้ำสะอาดจนละเอียดรวม เป็นเนื้อเดียวกัน จะได้เนื้อครีมข้นและเหนียวใช้สำหรับนำมาพอกกับหน้าที่สะอาดแล้วก่อนเข้านอน โดยพอกทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดจะรู้สึกผิวหน้าสดชื่นและเต่งตึงขึ้นด้วยทำเป็นประจำ สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ภายในเวลาไม่ถึงเดือน ก้อค่อนข้างที่จะเห็นผลได้ชัดเช่นกานนน่ะ แล้วสามารถนำมารับประทานเป็นยารักษาอาการชำในได้อีกด้วยนะค่ะ

วิธีใช้
ใช้สำลีชุบทาทั่วใบหน้า หรือจะใช้สำลีแปะไว้ที่ผิวใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะช่วยบำรุงผิวหน้าให้เต่งตึงไร้ริ้วรอย เพราะใบบัวบกมีสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินให้ทำงานได้ดีขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2557

ต้านมะเร็ง ชะลอวัย ด้วยผลฟักข้าว

ฟักข้าวเป็นผักและยาสมุนไพรชั้นเลิศ อุดมด้วยไลโคปีน สารต้านมะเร็งที่ทุกคนใฝ่ฝันหา เป็นพืชท้องถิ่นในแถบบ้านเรา กระจายพันธุ์อยู่ในประเทศจีน เวียดนาม ลาว พม่า คนไทยไม่ได้นำฟักข้าวมาบริโภคอย่างแพร่หลาย อาจเพราะ ต้องระวังการบริโภคเพราะในเมล็ดของฟักข้าวจะมีสารพิษชนิดเมาเบื่อ แต่จะอยู่ในลูกแก่จัดที่มีสีเหลืองแดงแล้วเท่านั้น มีนักวิจัยเริ่มศึกษาสรรพคุณกันอย่างจริงจัง จนพบว่า ไลโคปีน จากฟักข้าว ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมากในคุณผู้ชายได้ดี ไลโคปีน เป็นสารอาหารมหัศจรรย์ตัวหนึ่งที่มีอานุภาพในการต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ วงการแพทย์ได้นำสารไลโคปีนใช้ในการรักษาโรค พบว่าลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร รายงานการวิจัย ในประเทศจีน พบว่า โปรตีนจากเมล็ดฟักข้าวสามารถต้านอนุมูลอิสระและเพิ่มประสิทธิภาพ การทำงานของเซลล์ตับในหลอดทดลอง ในประเทศเวียดนาม พบว่า น้ำมันจากเยื่อเมล็ดฟักข้าวมีประสิทธิภาพในการรักษามะเร็งตับ ประเทศไทย พบโปรตีนในเมล็ดฟักข้าวมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อเอชไอวี หรือเอดส์ และยับยั้งเซลล์มะเร็ง และได้มีการโดยจดสิทธิบัตรในประเทศไทยเป็นที่เรียบแล้ว ประเทศญี่ปุ่น มีการวิจัยพบว่า โปรตีนจากสารสกัดน้ำของผลฟักข้าวช่วยยับยั้งการเจริญของก้อนมะเร็งลำไส้ใหญ่ ในหนูทดลอง ส่วนที่สำคัญของฟักข้าวที่ให้คุณค่าทางยาสูงอยู่ที่เยื่อหุ้มเมล็ด งานวิจัยของ วว. พบว่า เยื่อหุ้มเมล็ดฟักข้าวมีกรดไขมันสายยาว ที่ช่วยในการดูดซึมเบต้าแคโรทีนไปใช้ประโยชน์ในร่างกายได้ เยื่อแดงๆ ที่หุ้มเมล็ดฟักข้าวมีสารเบต้าแคโรทีน (Beta Carotene) และไลโคปีน (Licopine) สูงกว่าแครอต 20 เท่า และสูงกว่ามะเขือเทศถึง 70 เท่า นอกจากต้านมะเร็งแล้ว ยังช่วยให้ฮีโมโกบินในเลือดเข้มข้นขึ้น ช่วยแก้โรคโลหิตจาง ชาวเวียดนามเป็นชาติที่บริโภคลูกฟักข้าวสุกหรือแก๊ก (GAC) ในชีวิตประจำวันมากที่สุด รู้จักนำเยื่อหุ้มเมล็ดแก๊กมาหุงย้อมสีข้าวให้เป็นสีแดงเพื่อใช้รับประทาน ฉลองเทศกาลปีใหม่ งานมงคลสมรส และงานมงคลต่างๆ นอกจากมีวัตถุประสงค์เพื่อความเป็นสิริมงคลแห่งสีแดงแล้ว ยังเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ ช่วยลดการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจในผู้สูงอายุ ช่วยแก้โรคโลหิตจางและโรคเลือดธาลัสซีเมียในเด็ก รวมทั้งช่วยต้านโรคมะเร็งได้หลายชนิด ในตำรับยาไทย ได้กล่าวถึงสรรพคุณส่วนต่างๆ ของฟักข้าวไว้ คือ ใบ ปรุงเป็นยาเขียว ใช้ถอนพิษ ดับพิษทุกชนิด ตำพอกแก้ปวดหลัง ยอด มีเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในปริมาณที่สูง จึงสามารถใช้รักษามะเร็ง เมล็ด ใช้บำรุงปอด แก้ท่อน้ำดีอุดตัน และแก้วัณโรค ราก ใช้ต้มดื่ม หรือตากแห้ง บดเป็นผงแล้วปั้นขนาด 0.5 กรัม กินครั้งละ 3-5 เมล็ด ก่อนอาหารเช้า-เย็น ขับเสมหะ ดับพิษไข้ แก้เข้าข้อ ปวดตามข้อ ถอนพิษไข้ นอกจากนี้ หากนำส่วนของรากแช่น้ำ แล้วใช้น้ำสระผม จะช่วยแก้ผมร่วง และฆ่าเหาได้ ประเพณีชาวล้านนานำรากฟักข้าวผสมกับฝักส้มป่อยใช้ทำน้ำสำหรับรดน้ำดำหัว ผู้ใหญ่ และนำไปใช้เป็นยาสระผม เช่นเดียวกับภูมิปัญญาของประเทศฟิลิปปินส์ ก็ได้มีการนำรากฟักข้าวมาบดแล้วนำไปหมักผม เพื่อช่วยให้ผมดกและยังสามารถกำจัดเหาได้ด้วย ด้วยคุณสมบัติอันเลิศด้วยสารไลโคปีนนี้ มีการนำไปผสมกับสมุนไพรและผลไม้อื่นๆ ทำเป็นเครื่องดื่มบำรุงสายตา บำรุงสุขภาพ และยังมีการพัฒนาไปทำเครื่องสำอางเพื่อลดริ้วรอย ในวงการเครื่องสำอางนั้น สารสกัดจากฟักข้าวนับว่ามาแรงติดอันดับหนึ่งในด้านประสิทธิภาพ ในการทำให้ผิวขาวอย่างเป็นธรรมชาติและไร้อันตราย งานวิจัยจากประเทศเยอรมนีแสดงให้เห็นว่าสารสกัดไลโคปีนสามารถป้องกันการเกิด ผิวหนังร้อนแดงได้ ช่วยยับยั้งการดูดซึมยูวี ช่วยปกป้องผิวไม่ให้เกิดความเสียหายจากแสงยูวี สารสกัดไลโคปีนจากฟักข้าวจึงสามารถช่วยปกป้องผิวจากยูวีได้ดี ช่วยให้ผิวขาวไม่แห้งกร้านหรือดำ ในประเทศไทยเองได้มีการทำการทดลองประสิทธิภาพลดรอยเหี่ยวย่นในอาสาสมัคร และพบว่าสามารถลดรอยเหี่ยวย่นได้ดี

ข้อมูลจาก thaipost.net