วันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2557

แอปเปิ้ลไซเดอร์ คุณประโยชน์เพื่อผิวสวยสุขภาพดี

แอปเปิ้ลไซเดอร์ น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลมีประโยชน์ในการดูแลความงามให้คุณได้อย่างไม่น่าเชื่อ และนี่คือประโยชน์ที่ว่า



     1. ผิวเนียนนุ่ม เนื่องจากน้ำส้มสายชูมีฤทธิ์เป็นกรด จึงช่วยปิดรูขุมขนและทำให้ผิวเนียนนุ่มขึ้นได้ เราจึงขอแนะนำให้ผสมน้ำส้มสายชูลงไปในครีมทาตัวเล็กน้อย ครีมทาตัวของคุณจะมีอานุภาพเพิ่มขึ้นทันที

     2. เพิ่มความเงางาม สาว ๆ ส่วนใหญ่มักจะล้างแชมพูกับคอนดิชันเนอร์กันออกไม่หมด เส้นผมจึงหนักและดูไม่เป็นเงางามเท่าที่ควร วิธีแก้คือผสมน้ำส้มสายชูห้าหยดเข้ากับน้ำสะอาดหนึ่งชาม แล้วชโลมลงบนเส้นผมให้ทั่วหลังเสร็จจากแชมพูและคอนดิชันเนอร์ จากนั้น จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด

     3. เยียวยาผิว น้ำส้มสายชูมีฤทธิ์ในการต่อต้านการอักเสบ จึงอาจช่วยลดอาการคันบนผิวให้คุณได้ วิธีการคือผสมน้ำส้มสายชูลงไปในน้ำที่อาบเล็กน้อย แล้วลงไปนอนแช่ให้สบายใจ

     4. ขจัดรังแค น้ำส้มสายชูมีฤทธิ์ในการต่อต้านเชื้อรา จึงช่วยขจัดปัญหารังแคให้คุณได้ โดยผสมเข้ากับน้ำสะอาดในอัตราส่วนเท่า ๆ กัน จากนั้น เทใส่กระบอกฉีดน้ำ แล้วใช้ฉีดพรมลงบนเส้นผม

     5. ปรับสภาพผิว น้ำส้มสายชูช่วยปรับสมดุลให้ผิวได้ แถมยังทำหน้าที่เหมือนโทนเนอร์สำหรับคนผิวมันด้วย โดยผสมกับน้ำในอัตราส่วนเท่า ๆ กัน แล้วใช้เช็ดหน้าก่อนทามอยส์เจอไรเซอร์

ข้อมูลจาก Lisa

วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557

ใบบัวบกสามารถลดรอยตีนกาได้

เชื่อแน่ว่ารอยตีนกาที่เกิดขึ้นนั้น เป็นความกังวลที่เกิดขึ้นแแน่นอน วันนี้เคล็ดลับความงามด้วยสมุนไพรง่ายๆด้วยใบบัวบกลดรอยตีนกา



ส่วนผสม
1. ใบบัวบก
2.น้ำต้มสุก

วิธีทำ
นำใบบัวบกมาล้าง น้ำให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นเล็กๆปั่นรวมกับน้ำสะอาดจนละเอียดรวม เป็นเนื้อเดียวกัน จะได้เนื้อครีมข้นและเหนียวใช้สำหรับนำมาพอกกับหน้าที่สะอาดแล้วก่อนเข้านอน โดยพอกทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดจะรู้สึกผิวหน้าสดชื่นและเต่งตึงขึ้นด้วยทำเป็นประจำ สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ภายในเวลาไม่ถึงเดือน ก้อค่อนข้างที่จะเห็นผลได้ชัดเช่นกานนน่ะ แล้วสามารถนำมารับประทานเป็นยารักษาอาการชำในได้อีกด้วยนะค่ะ

วิธีใช้
ใช้สำลีชุบทาทั่วใบหน้า หรือจะใช้สำลีแปะไว้ที่ผิวใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะช่วยบำรุงผิวหน้าให้เต่งตึงไร้ริ้วรอย เพราะใบบัวบกมีสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินให้ทำงานได้ดีขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2557

ต้านมะเร็ง ชะลอวัย ด้วยผลฟักข้าว

ฟักข้าวเป็นผักและยาสมุนไพรชั้นเลิศ อุดมด้วยไลโคปีน สารต้านมะเร็งที่ทุกคนใฝ่ฝันหา เป็นพืชท้องถิ่นในแถบบ้านเรา กระจายพันธุ์อยู่ในประเทศจีน เวียดนาม ลาว พม่า คนไทยไม่ได้นำฟักข้าวมาบริโภคอย่างแพร่หลาย อาจเพราะ ต้องระวังการบริโภคเพราะในเมล็ดของฟักข้าวจะมีสารพิษชนิดเมาเบื่อ แต่จะอยู่ในลูกแก่จัดที่มีสีเหลืองแดงแล้วเท่านั้น มีนักวิจัยเริ่มศึกษาสรรพคุณกันอย่างจริงจัง จนพบว่า ไลโคปีน จากฟักข้าว ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมากในคุณผู้ชายได้ดี ไลโคปีน เป็นสารอาหารมหัศจรรย์ตัวหนึ่งที่มีอานุภาพในการต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ วงการแพทย์ได้นำสารไลโคปีนใช้ในการรักษาโรค พบว่าลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร รายงานการวิจัย ในประเทศจีน พบว่า โปรตีนจากเมล็ดฟักข้าวสามารถต้านอนุมูลอิสระและเพิ่มประสิทธิภาพ การทำงานของเซลล์ตับในหลอดทดลอง ในประเทศเวียดนาม พบว่า น้ำมันจากเยื่อเมล็ดฟักข้าวมีประสิทธิภาพในการรักษามะเร็งตับ ประเทศไทย พบโปรตีนในเมล็ดฟักข้าวมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อเอชไอวี หรือเอดส์ และยับยั้งเซลล์มะเร็ง และได้มีการโดยจดสิทธิบัตรในประเทศไทยเป็นที่เรียบแล้ว ประเทศญี่ปุ่น มีการวิจัยพบว่า โปรตีนจากสารสกัดน้ำของผลฟักข้าวช่วยยับยั้งการเจริญของก้อนมะเร็งลำไส้ใหญ่ ในหนูทดลอง ส่วนที่สำคัญของฟักข้าวที่ให้คุณค่าทางยาสูงอยู่ที่เยื่อหุ้มเมล็ด งานวิจัยของ วว. พบว่า เยื่อหุ้มเมล็ดฟักข้าวมีกรดไขมันสายยาว ที่ช่วยในการดูดซึมเบต้าแคโรทีนไปใช้ประโยชน์ในร่างกายได้ เยื่อแดงๆ ที่หุ้มเมล็ดฟักข้าวมีสารเบต้าแคโรทีน (Beta Carotene) และไลโคปีน (Licopine) สูงกว่าแครอต 20 เท่า และสูงกว่ามะเขือเทศถึง 70 เท่า นอกจากต้านมะเร็งแล้ว ยังช่วยให้ฮีโมโกบินในเลือดเข้มข้นขึ้น ช่วยแก้โรคโลหิตจาง ชาวเวียดนามเป็นชาติที่บริโภคลูกฟักข้าวสุกหรือแก๊ก (GAC) ในชีวิตประจำวันมากที่สุด รู้จักนำเยื่อหุ้มเมล็ดแก๊กมาหุงย้อมสีข้าวให้เป็นสีแดงเพื่อใช้รับประทาน ฉลองเทศกาลปีใหม่ งานมงคลสมรส และงานมงคลต่างๆ นอกจากมีวัตถุประสงค์เพื่อความเป็นสิริมงคลแห่งสีแดงแล้ว ยังเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ ช่วยลดการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจในผู้สูงอายุ ช่วยแก้โรคโลหิตจางและโรคเลือดธาลัสซีเมียในเด็ก รวมทั้งช่วยต้านโรคมะเร็งได้หลายชนิด ในตำรับยาไทย ได้กล่าวถึงสรรพคุณส่วนต่างๆ ของฟักข้าวไว้ คือ ใบ ปรุงเป็นยาเขียว ใช้ถอนพิษ ดับพิษทุกชนิด ตำพอกแก้ปวดหลัง ยอด มีเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในปริมาณที่สูง จึงสามารถใช้รักษามะเร็ง เมล็ด ใช้บำรุงปอด แก้ท่อน้ำดีอุดตัน และแก้วัณโรค ราก ใช้ต้มดื่ม หรือตากแห้ง บดเป็นผงแล้วปั้นขนาด 0.5 กรัม กินครั้งละ 3-5 เมล็ด ก่อนอาหารเช้า-เย็น ขับเสมหะ ดับพิษไข้ แก้เข้าข้อ ปวดตามข้อ ถอนพิษไข้ นอกจากนี้ หากนำส่วนของรากแช่น้ำ แล้วใช้น้ำสระผม จะช่วยแก้ผมร่วง และฆ่าเหาได้ ประเพณีชาวล้านนานำรากฟักข้าวผสมกับฝักส้มป่อยใช้ทำน้ำสำหรับรดน้ำดำหัว ผู้ใหญ่ และนำไปใช้เป็นยาสระผม เช่นเดียวกับภูมิปัญญาของประเทศฟิลิปปินส์ ก็ได้มีการนำรากฟักข้าวมาบดแล้วนำไปหมักผม เพื่อช่วยให้ผมดกและยังสามารถกำจัดเหาได้ด้วย ด้วยคุณสมบัติอันเลิศด้วยสารไลโคปีนนี้ มีการนำไปผสมกับสมุนไพรและผลไม้อื่นๆ ทำเป็นเครื่องดื่มบำรุงสายตา บำรุงสุขภาพ และยังมีการพัฒนาไปทำเครื่องสำอางเพื่อลดริ้วรอย ในวงการเครื่องสำอางนั้น สารสกัดจากฟักข้าวนับว่ามาแรงติดอันดับหนึ่งในด้านประสิทธิภาพ ในการทำให้ผิวขาวอย่างเป็นธรรมชาติและไร้อันตราย งานวิจัยจากประเทศเยอรมนีแสดงให้เห็นว่าสารสกัดไลโคปีนสามารถป้องกันการเกิด ผิวหนังร้อนแดงได้ ช่วยยับยั้งการดูดซึมยูวี ช่วยปกป้องผิวไม่ให้เกิดความเสียหายจากแสงยูวี สารสกัดไลโคปีนจากฟักข้าวจึงสามารถช่วยปกป้องผิวจากยูวีได้ดี ช่วยให้ผิวขาวไม่แห้งกร้านหรือดำ ในประเทศไทยเองได้มีการทำการทดลองประสิทธิภาพลดรอยเหี่ยวย่นในอาสาสมัคร และพบว่าสามารถลดรอยเหี่ยวย่นได้ดี

ข้อมูลจาก thaipost.net