วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เหตุใด"มะระ"จึงเหหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน

"มะระ"เมื่อได้ยินชื่อผักชนิดนี้ เชื่อว่าหลายคนคงเบือนหน้าหนีก็เพราะรสชาดที่ขมปี๋ไม่ชวนรับประทานของมันนั่นเอง แต่เชื่อหรือไม่ว่าเจ้าผักที่รูปลักษณ์ไม่ชวนมอง และรสชาดก็ไม่ชวนชิมชนิดนี้มันชั่งมีคุณค่าทางโภชนาการ และสรรพคุณทางยาอย่างน่าอัศจรรย์เสียจริง ๆ

อย่างที่โบราณเค้าว่าไว้"หวานเป็นลมขมเป็นยา"ความขมที่หลายคนเกลียดนักเกลียดหนาของมะระ เป็นยาช่วยให้เจริญอาหาร เพราะสารขมที่อยู่ในมะระนั้นจะช่วยกระตุ้นให้น้ำย่อย ออกมามากจึงทำให้รับประทานอาหารได้มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเราอาจจะนำมะระไปลวก หรือเผาไฟ แล้วนำมาจิ้มกับน้ำพริกก็ได้

"มะระ"เป็นผักที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ก็เพราะมะระมีคุณสมบัติในการการบำบัดและรักษาโรคเบาหวาน ด้วยสารอาหารในมะระ ซึ่งทำหน้าที่เพิ่มเบต้าเซลล์ในตับอ่อน โดยการกระตุ้นให้เกิดการสร้างอินซูลิน (ฮอร์โมนควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด) อีกทั้งมะระยังมีเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ย่อยน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรต สารอาหารจะผสมอยู่ในรูปของโปรตีนซึ่งสามารถบรรเทาอาการเจ็บป่วยที่เกิดจากโรคตับและโรคเบาหวานได้ มะระยังสามารถแก้โรคตับอักเสบ ปวดหัวเข่า ม้ามอักเสบได้ด้วย โดยรับประทานมะระดิบเป็นประจำจะช่วยได้

นอกจากนี้มะระยังมีคุณค่าทางอาหารมากมาย เพราะอุดมไปด้วยฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามินซี วิตามินบี1 - บี3, เบต้าแคโรทีน, ไฟเบอร์, ธาตุเหล็ก,โพแทสเซียม เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสารอาหารซูปเปอร์คูลที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และมันก็มารวมตัวกันอยู่ในมะระหมดแล้ว ดังนั้นมะระจึงเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัยด้วย ไม่เพียงแต่ผู้ป่วยเบาหวานเท่านั้น

การรับประทานมะระเป็นประจำนอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานแล้ว มะระยังช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายด้วย เพราะมะระมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ แก้อาการท้องผูกได้เป็นอย่างดี

ข้อควรระวัง ไม่ควรทานมะระผลสุก เพราะอาจทำให้คลื่นไส้ อาเจียนได้ เนื่องจากมีสาร"ซาโปนิน"อยู่มากซึ่งสารนี้จะทำให้เป็นพิษต่อร่างกาย หากจะลดความขมของมะระต้องลวกหรือต้มนานๆ โดยคลุกเคล้ากับเกลือก่อนที่จะนำไปปรุง หรือต้มน้ำแล้วเทน้ำทิ้ง 1 ครั้ง ก่อนนำมารับประทาน จะช่วยให้กินมะระได้อย่างสบายใจ

0 ความคิดเห็น: